จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเบาหวาน?
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่ผู้ป่วยหากดูแลตัวเองได้ดี จะสามารถอยู่กับโรคนี้ได้อย่างมีความสุข และสุขภาพดีได้
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นเบาหวาน หลักการคร่าวๆ ที่จะช่วยให้เรากรองอาการว่าเรามีความเสี่ยง หรือน่าจะเป็นเบาหวานคือ
แต่ถ้าเราไม่แน่ใจว่าจะเป็นเบาหวานหรือไม่ เรามีวิธีในการสังเกตตัวเองได้ง่ายๆ ดังนี้
1.กระหายน้ำบ่อย
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อวิธีที่ร่างกายผลิตหรือใช้อินซูลิน โรคเบาหวานทำให้กระหายน้ำมากขึ้นเพราะเกิดจากการที่น้ำตาลในเลือดเรามีปริมาณสูงขึ้น จนเลือดเราข้นและเหนียว ร่างกายจึงต้องการน้ำมาทำให้เลือดจางลง จึงต้องดื่มน้ำมากขึ้น เมื่อดื่มน้ำมากขึ้นก็ทำให้ปัสสาวะเพิ่มขึ้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไปก็อาจจะทำให้ปัสสาวะบ่อย จนทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ เพราะฉะนั้นควบดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
การดื่มน้ำมากขึ้นอาจช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และป้องกันภาวะแทรกซ้อนไม่ให้เกิดขึ้น หากคุณเป็นโรคเบาหวานหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน ให้ตรวจสอบกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำที่คุณดื่มในแต่ละวัน เพราะการดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคนี้ได้ มีเครื่องดื่มหลายประเภทให้คุณเลือกดื่ม แต่ควรจะเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดก็จะเป็นทางเลือกที่ดี
ทุกวันนี้เรามีชาที่มีสมุนไพรจากผักเชียงดา ที่มีสรรพคุณในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมความดัน ควรเลือกชาสมุนไพรที่ไม่มีสารคาเฟอีน ซึ่งจะทำให้ความดันเพิ่มขึ้น และไม่ใส่น้ำตาล ซึ่งคุณสามารถดื่มแทนน้ำเปล่าในแต่ละวันได้เลย
จิมเนม่าชาชง
GYMNEMA TEA
ชาสมุนไพรที่ผลิตมาจากตำรับยาเพื่อผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน และไขมัน อย่างแท้จริง
จิมเนม่าคืออะไร?? ทำไมคนเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน ถึงต้องกิน!! ดูที่คลิปข้างล่างนี้เลย
2.ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
คนทั่วไปจะปัสสาวะประมาณสี่ถึงหกครั้งต่อวัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน จำนวนอาจเพิ่มขึ้นเป็นแปดหรือสิบครั้งต่อวัน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไตและความดันโลหิตสูง ซึ่งจะทำให้ปัสสาวะเพิ่มขึ้น อาการปัสสาวะบ่อยมีที่มาจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 180 มก.% และร่างกายไม่มีอินซูลินที่สร้างจากตับอ่อน ที่จะมาดึงและกำจัดน้ำตาลออกไปจากเลือด ร่างกายจึงจำเป็นต้องกำจัดน้ำตาลในเลือดออก ด้วยการปัสสาวะ
ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ทั้งปัสสาวะในตอนกลางวัน และปัสสาวะในตอนกลางคืน อาการปัสสาวะบ่อยมีปัจจัยต่างๆ มากมายที่อาจทำให้ความถี่ในการปัสสาวะเพิ่มขึ้น เช่น ทานยาบางชนิด การรับประทานอาหาร พฤติกรรมการออกกำลังกาย การดื่มแอลกอฮอล์ และภาวะสุขภาพพื้นฐาน เช่น การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือปัญหาต่อมลูกหมาก หากคุณสังเกตเห็นว่าคุณเข้าห้องน้ำมากกว่าปกติ ให้รีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ควบคุมอาการแต่เนิ่นๆ ได้ ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหา
ข้อสังเกตอีกประการว่า ผู้ที่ปัสสาวะบ่อยนั้นเกิดมาจากโรคเบาหวานหรือไม่ก็คือ ในรายที่เป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง เวลาปัสสาวะจะมีมดมาตอมที่ปัสสาวะด้วย เนื่องจากในปัสสาวะมีน้ำตาลสูงนั่นเอง
3.หิวบ่อย
หนึ่งในข้อสังเกตที่สำคัญของผู้ป่วยโรคเบาหวานคืออาการหิวบ่อย กินจุ เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานโดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2 จะมีสาเหตุการเป็นเบาหวานจากพฤติกรรมการกินการอยู่ของผู้ป่วย เช่น อ้วน น้ำหนักเยอะ ไม่ออกกำลังกาย นั่งๆ นอนๆ ทำให้เกิดภาวะไขมันสะสม และทำให้น้ำตาลสะสมในร่างกาย ผู้ป่วยแบบนี้จะกินจุอยู่แล้ว จึงทำให้เสี่ยงต่อการที่จะเป็นเบาหวานได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป อีกสาเหตุนึงที่คนเป็นเบาหวานหิวบ่อย เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้
เนื่องจากร่างกายไม่มีอินซูลิน ทำให้ร่างกายจึงบังคับให้เราทานอาหารให้มากขึ้นๆ แต่สุดท้ายถ้าเราไม่ควบคุมอาหาร หรือทานอาหารที่มีประโยชน์ และไม่ออกกำลังกาย ก็จะทำให้มีน้ำตาล ไขมัน สะสมอยู่ในร่างกายอยู่ดี หากอยากควบคุมน้ำตาล และไขมัน แต่ยังสามารถอร่อยกับอาหารได้อยู่ ตอนนี้มีผักเชียงดาแคปซูล ให้ทานหลังจากมื้ออาหาร ก็จะช่วยดักน้ำตาล ไขมัน ช่วยควบคุมไม่ให้น้ำตาลสูงได้ เหมาะกับคนที่กินเก่ง หรือคนที่เป็นเบาหวาน สมุนไพรจะช่วยเรื่องนี้โดยเฉพาะ
จิมเนม่าแคปซูล
Gymnema Capsule
ผักเชียงดาและสมุนไพรตำรับจากแพทย์แผนไทย ในรูปแบบแคปซูล ให้คุณห่างไกลจากเบาหวาน ความดัน ไขมัน ทานได้ทุกวัน ปลอดภัยด้วยสมุนไพรออร์แกนิค
4.น้ำหนักลดทั้งที่ไม่ได้ลดน้ำหนัก
หากสังเกตว่าน้ำหนักลดลง ทั้งๆ ที่ยังทานอาหารเป็นปกติ หรือทานอาหารเยอะ แต่น้ำหนักแทนที่จะเพิ่ม กลับลดลง นั่นอาจะเป็นสาเหตุที่บอกเราว่า เราอาจจะมีอาการของโรคเบาหวานได้ เนื่องจากอาหารที่เรากินเข้าไป ไม่ได้ถูกร่างกายน้ำไปใช้เป็นพลังงาน เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยเบาหวาน จะไม่มีอินซูลินเพื่อจะนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน ร่างกายเราจึงต้องนำพลังงานที่สะสมอยู่ตามกล้ามเนื้อ ไขมัน และโปรตีนที่อยู่ตามร่างกาย เอามาใช้เป็นพลังงานแทน จึงทำให้เรากินเท่าไหร่น้ำหนักก็ยังลดนั่นเอง
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินหรือผลิตได้ไม่เพียงพอ อินซูลินเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันจะย้ายกลูโคสจากเลือดของเราไปยังเซลล์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน เมื่อไม่มีอินซูลิน หรือเมื่อผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ กลูโคสจะสะสมในเลือดของเรา และอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง หากมีอาการเช่นนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาโดยเร็ว
5.มีอาการชาปลายมือปลายเท้า
อาการชาปลายมือหรือปลายเท้าเป็นอาการแรกสุดของโรคเบาหวาน อาจเกิดขึ้นเนื่องจากความเสียหายของเส้นประสาทหรือการไหลเวียนของเลือดไม่ดี และอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ ในภายหลัง จึงทำให้เลือดไปเลี้ยงปลายประสาท ตามมือตามเท้าได้ไม่เพียงพอ พอปลายประสาทเราไม่มีเลือดไปเลี้ยง ก็ทำให้เกิดอาการปลายประสาทอักเสบ จึงทำให้เกิดอาการชา ซึ่งอาการชาที่ว่า จะเป็นอาการชาแบบต่อเนื่อง
ในบางรายจะพบว่าอาการชาจะเหมือนมีเข็มทิ่มอยู่ตลอดเวลา และผู้ป่วยเบาหวานบางรายจะมีไขมันสูง มีไขมันอุดตันในเส้นเลือดด้วย ก็จะทำให้เลือดเดินได้ไม่สะดวก ก็ทำให้เกิดอาการชา และยังทำให้ความดันในเลือดสูง หัวใจจะทำงานหนักกว่าปกติ ก็จะทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจแทรกซ้อนขึ้นมาอีก เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเพิ่มเติม สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีอาการชาปลายมือปลายเท้า ต้องรีบไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
รีวิวจริงจากคนที่จบปัญหาเบาหวาน ความดัน ไขมัน ได้ด้วยจิมเนม่า
** ผลในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล **
6.ตาพร่ามัว
เป็นหนึ่งในอาการที่จะบ่งบอกว่าเราเป็นเบาหวานหรือไม่ ไม่ได้พบในผู้ป่วยเบาหวานทุกคน แต่จะพบในรายที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือผู้ป่วยที่อายุมาก
อาการตาพร่ามัวที่เกิดจากเบาหวานมักเรียกอาการนี้ว่า “เบาหวานขึ้นตา” โรคตาที่เกิดจากเบาหวานมีหลายประเภท ดังนี้
อาการตาพร่ามัวถือเป็นอาการเริ่มต้น หากปล่อยเอาไว้ ไม่ทำการรักษา อาจทำให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลง และทำให้ตาบอดได้ แนะนำให้รีบทำการรักษาและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหายาหรือสมุนไพรมาช่วยรักษาโดยเร็ว
ผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน ต่างมั่นใจใน “จิมเนม่า” ช่วยให้สุขภาพและชีวิตดีขึ้นได้จริง
อยากสุขภาพดีแบบนี้ ไม่ต้องกังวลกับเบาหวาน ความดัน ไขมันที่กวนใจอีกต่อไป ใช้สมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของจิมเนม่าดูก่อน เพื่อรับคำแนะนำในการใช้สมุนไพรที่ถูกต้อง ปลอดภัย และได้ผล คลิกที่ปุ่มด้านล่างได้เลย…
7.เป็นแผลหายช้า (Diabetic Ulcer)
โรคเบาหวานนอกจากจะเป็นโรคภายในร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อภายนอกร่างกายได้ด้วย หนึ่งในอาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และเป็นอาการภายนอกคือ เมื่อเป็นแผล โดยเฉพาะบริเวณปลายมือปลายเท้า แผลจะหายยาก แผลจะแฉะไม่แห้งซักที ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงปลายประสาทไม่เพียงพอเนื่องจากเลือดมีความข้นเหนียว เนื่องจากมีน้ำตาลในเลือดสูง และมีไขมันที่อุดตันในเส้นเลือด ก็ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงปลายประสาทไม่ถึง พอเราเป็นแผลโดยเฉพาะที่บริเวณปลายมือปลายเท้า จะทำให้ไม่มีเลือดไปสมานแผล ส่งผลให้แผลหายช้า แผลไม่แห้งซักที
แล้วทำไมต้องเป็นแผลที่บริเวณปลายมือปลายเท้า เนื่องจากคนที่เป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง จะไม่มีเลือดไปเลี้ยงที่ปลายประสาทมือและเท้าอยู่แล้ว ทำให้เกิดอาการชาที่ปลายมือปลายเท้า ผู้ป่วยจะไม่มีความรู้สึก เมื่อไปเจอของร้อน ของเย็นก็ไม่รู้สึก หรือแม้กระทั่ง เป็นเล็บขบก็ไม่รู้สึกอะไร กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแผล แผลก็ลุกลามเสียแล้ว
การดูแลเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
เห็นกันจะๆ วัดกันเห็นๆ
ผลตรวจจากโรงพยาบาลแสดงให้เห็น
ค่าน้ำตาลลดจริง แบบปลอดภัย และยั่งยืน
** ผลในการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล **
8.หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ถึงแม้ว่าอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศและโรคเบาหวานจะเป็นโรคที่แยกจากกัน แต่ก็เป็นโรคที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิงและเพศขาย โดยพบได้ในเพศชาย 30% และเพศหญิงถึง 40% โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานในเพศชาย จะมีแนวโน้มที่สมรรถภาพทางเพศลดลงมากกว่าคนปกติ สองถึงสามเท่า
อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อาจเป็นไปได้ใน 3 ลักษณะ กล่าวคือ ความต้องการทางเพศลดลง (Decreased libido) อวัยวะเพศไม่แข็งตัว (Erectile Dysfunction) และการหลั่งผิดปกติ (Abnormal Ejaculation) อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่มาจากโรคเบาหาน เกิดขึ้นได้เนื่องจากระบบสืบพันธ์ของมนุษย์เรา ใช้การไหลเวียนของเลือด รวมถึงฮอร์โมน และระบบประสาทในร่างกายเป็นหลัก หากตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา ก็จะทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
ทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีปัญหาทางเพศร่วมด้วย เพราะเลือดไหลเวียนไปที่อวัยวะเพศได้ไม่ดี เนื่องจากในเลือดมีน้ำตาลในระดับที่สูง ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี ไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่ดีพอ ส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ด้วย รวมถึงระดับของน้ำตาลกลูโคส (Glucoregulation) ที่ไม่คงที่ ยังส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนทางเพศบกพร่อง พร้อมกับการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน สามารถส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนในร่างกาย จึงส่งผลต่อความต้องการทางเพศลดลง
9.ผิวหนังแห้ง คันตามตัว
เกิดจากภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากเบาหวานที่มีผลต่อระบบประสาท (ออโตโนมิค) ทำให้ร่างกายผลิตเหงื่อได้น้อยลง จึงทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการคัน เพราะรูขุมขนเกิดการอุดตัน อาการนี้พบได้ประมาณ 20-40% ของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมักมีผิวแห้ง รวมถึงมีอาการตาแห้งหรือปากแห้งด้วย และในผู้หญิงจะมีอาการคันบริเวณก้นและอวัยวะเพศ พบได้ประมาณ 19% โดยต้องแยกกับการติดเชื้อราด้วย ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง
ในบางรายอาจะพบความผิดปกติของสีผิว ได้แก่ ด่างขาว ซึ่งพบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และอาจจะเป็นมาก่อนที่จะเป็นเบาหวานก็ได้ อีกหนึ่งอาการคือ ผิวหนังเป็นปื้นหนาสีเหลือง น้ำตาลหรือเทา มีขอบนูนคล้ายกำมะหยี่ ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ข้อพับ รักแร้ ต้นคอ ไม่มีอาการเจ็บหรือคัน เป็นอาการผิวหนังที่บ่งถึงภาวะดื้อต่ออินซูลิน จะพบได้ในผู้ป่วยที่อ้วน น้ำหนักมาก
10.อ่อนเพลีย สมองเบลอ
อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเราต้องใช้พลังงาน ซึ่งหนึ่งในแหล่งพลังงานหลักของเราคือน้ำตาล ซึ่งได้จากการทานอาหารเข้าไป แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานจะไม่มีอินซูลินตามธรรมชาติ เนื่องจากตับอ่อนไม่ทำงาน ร่างกายจึงไม่สามารถดึงน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ แม้จะทานอาหารเข้าไป ผู้ป่วยเบาหวานจึงจะมีอาการอ่อนเพลีย เบลอ สมองไม่แล่น เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับพลังงานเพียงพอ และทำให้น้ำตาลในเลือด ไม่สามารถถูกเอาออกไปใช้เป็นพลังงานได้ ทำให้เกิดน้ำตาลจะสะสมในกระแสเลือด ส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย เช่น โรคหัวใจ ความดัน โรคไต ตามมาอีกได้
หากคุณมีอาการเช่นนี้ ให้หมั่นตรวจสอบร่างกายให้ดี และปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว ก่อนที่อาการจะลุกลามไปมากกว่านี้
จิมเนม่าปลอดภัย ขึ้นทะเบียนจาก อย. และได้ตราฮาลาลเรียบร้อย
จะตรวจเบาหวานได้อย่างไร?
มีวิธีการตรวจได้หลายวิธี แต่แพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการตรวจร่างกายประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมัน และค่าต่างๆ ในเลือด ซึ่งถ้ามีความผิดปกติ และรู้แต่เนิ่นๆ การรักษาจะได้ประสิทธิภาพ และลดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ด้วย
ตรวจเบาหวานด้วยตัวเองที่บ้านได้ไหม?
การตรวจเบาหวานสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านได้ ด้วยเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้วหรือเครื่องตรวจเลือดปลายนิ้ว ข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว แต่มีข้อเสียคือ อาจจะได้ผลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หากผู้ทำการตรวจวัดไม่มีความชำนาญมากพอ หรือผู้ป่วยกินอาหารก่อนทำการตรวจ ผลตรวจก็มีการคลาดเคลื่อนได้ ผู้ป่วยควรปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก่อนการตรวจ เพื่อความปลอดภัย การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้าน ทำได้หลายวิธีดังนี้
ในกรณีที่ไม่สะดวกที่อดอาหาร สามารถเจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วขณะที่ไม่ได้อดอาหาร หากได้มากกว่า 110 มก./มล. ควรได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร แต่ถ้าได้น้อยกว่า 110 มก./มล. ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร แต่ควรตรวจซ้ำทุกๆ 3 ปี
สรุป
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ยิ่งรู้เร็วเท่าไหร่ การรักษาจะยิ่งมีประสิทธิภาพดี ให้รีบสำรวจตัวเองด่วน หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การดูและตัวเองให้ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ต้องควบคุมอาหาร ไม่ทานอาหารที่หวานจัด มันจัด หมั่นออกกำลังกาย ก็จะลดความเสียงเป็นโรคเบาหวานลงได้ แต่ถ้าหารเป็นเบาหวานแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลไป เราสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาแผนปัจจุบัน หรือใช้สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน ที่มีสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือดและช่วยควบคุมความดัน รวมถึงมี ผลวิจัย จากทั้งในประเทศและต่างประเทศมารับรอง ก็จะทำให้ควบคุมอาการเบาหวานต่างๆ ได้ดี และปลอดภัยด้วย