9 วิธีการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน
รู้หรือไม่ว่า.. เบาหวานจัดเป็นกลุ่มโรคร้ายยอดฮิตที่ประชากรไทยเสียชีวิตมากสุดเป็นอันดับสอง และเบาหวานยังจัดเป็นโรคที่มีความเสี่ยงมากกว่าโควิด-19 ถึง 3 เท่า! ปัจจุบันคนไทยมีความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเรื่อ ๆ อย่างไม่รู้ตัว โดยเบาหวานเป็นกลุ่มของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (non-communicable diseases) มิหนำซ้ำ จากผลการวินิจฉัยตัวเลขทางการแพทย์พบว่าประชากรไทยไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีอาการเป็นโรคเบาหวาน ทำให้การรักษาทางการแพทย์ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสุขภาพมีความลำบากและทำได้ยากมากขึ้น ทั้งนี้ หากคุณพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในคนที่มีอาการเบาหวานแล้ว อาการหนึ่งที่พบได้บ่อยและเด่นชัดเลยก็คือเท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีอาการไม่ปกติ ซึ่งวันนี้เรามี 9 วิธีการดูแลเท้าสำหรับผู้ป่วยเบาหวานโดยเฉพาะ ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1.ล้างเท้าด้วยน้ำธรรมดาและสบู่อ่อนทุกวัน
ผู้ที่มีอาการเบาหวานจะต้องดูแลเท้าเป็นพิเศษ ควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่บอบบางและทำความสะอาดได้ดี ไม่ควรเป็นกรดหรือด่างจนเกินไป อาจจะเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ค่า PH-5 ที่เหมาะกับผิว ควบคู่กับการทานอาหารที่ลดน้ำตาล
2.ซับเท้าให้แห้งด้วยผ้าสะอาดโดยเน้นที่บริเวณซอกนิ้วเท้า
ไม่ควรปล่อยให้เท้าของผู้ป่วยเบาหวานชื้นนาน ทุกครั้งที่ทำความสะอาดหรือเกิดความชื้นแฉะจะต้องซับน้ำออกด้วยผ้าสะอาดให้ทั่วทั้งเท้าและตามซอกนิ้วเท้าทั้งหมด เพื่อให้เกิดความชื้นสะสม ควรทำเป็นประจำให้เคยชินไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีอาการเบาหวานหรือน้ำตาลสูงหรือไม่ก็ตาม
3.ทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังแต่ควรเลี่ยงการทาบริเวณซอกเท้า
สำหรับการบำรุงผิวที่เท้าของผู้ที่เป็นเบาหวานควรทำอย่างระมัดระวัง เลือกครีมหรือโลชั่นที่อ่อนโยนให้ความชุ่มชื้นได้พอดี โดยไม่ทำลายเกราะป้องกันผิว ไม่จำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เน้นความขาวกระจ่างใสหรือทิ้งคราบหนัก แต่มองหาตัวช่วยเรื่องการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีก็เพียงพอ และควรทาแค่บริเวณผิวหนังที่หลังเท้าและใต้ฝาเท้าก็พอ ไม่ควรทาที่ซอกนิ้วเท้า เพราะอาจจะเกิดความชื้นสะสมโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้เท้ามีผิวแห้งแตกลอกเป็นขุย ดังนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงและวิธีการทาจะต้องระมัดระวังควบคู่กับการดูแลเรื่องอื่น ๆ เช่น ลดน้ำตาลในอาหารของผู้ที่มีอาการเบาหวานด้วยเช่นกัน
4.หมั่นตรวจดูเท้าทุกวันว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ควรหมั่นเช็คเป็นประจำสม่ำเสมออย่างน้อยวันละครั้ง โดยดูว่ามีรอยขีดข่วน บวม มีแผล รอยช้ำ ผิวที่เปลี่ยนสี หรือมีเม็ดพุพองเกิดขึ้นหรือไม่ หากพบความปกติควรรีบรักษาทันที ซึ่งจะต้องไปปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาเบื้องต้นให้ถูกวิธี อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะจะส่งผลให้อาการเบาหวานรุนแรงและเรื้อรังได้ หรือลองใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูง จนทำให้เกิดอาการผิดปกติที่เท้า แนะนำเป็น “สมุนไพรจิมเนม่า“ เพื่อการดูแลโรคเบาหวาน และความดัน อย่างครบวงจร
5.ตัดเล็บเท้าด้วยความระมัดระวัง
สำหรับเล็บเท้าควรตัดให้สั้นพอดีอยู่เสมอ และจะต้องตัดด้วยความระวัง ช่วงที่ร่างกายมีน้ำตาลสูงอาจจะพบว่าเท้าบวมและเนื้ออาจจะบาดกับเล็บได้ การตัดเล็บของผู้ที่มีอาการเบาหวานจึงควรตัดแบบขวางเป็นเส้นตรงให้พอดีกับเนื้อและระวังไม่ให้มีส่วนที่อาจจะเป็นเล็บขบกินเนื้อได้ ควรตะไบให้เล็บไม่แหลมคมด้วยเช่นกัน
6.เลือกรองเท้าที่นิ่มและพอดี
การสวมใส่รองเท้าของผู้ที่มีอาการเบาหวานจะต้องเลือกที่มีความนุ่มใส่สบาย รองรับสรีระ ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไปหรือห้ามคับแน่นเป็นอันขาด แม้ว่าจะเป็นช่วงที่ลดน้ำตาลหรือควบคุมน้ำตาลไม่ให้สูงเกินไป แต่ขนาดเท้าอาจจะบวมขึ้นได้จากหลาย ๆ สาเหตุ
7.สวมรองเท้าไว้ตลอดเวลา
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน ผู้ที่เป็นเบาหวานควรจจะต้องสวมรองเท้าตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีน้ำตาลสูงในเลือดหรือไม่ก็ตาม สำหรับรองเท้าในบ้านอาจจะเลือกเป็นรองเท้าที่พื้นไม่หนามากระบายอากาศได้ดีกว่า แต่ควรจะนุ่มใส่สบายและห่อหุ้มเท้าได้มิดชิด สำหรับรองเท้าสวมใส่นอกบ้านอาจจะเลือกแบบที่มีพื้นที่หนากว่า ทั้งนี้ ควรสังเกตก่อนการสวมใส่ทุกครั้งว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรองเท้าก่อนสวมใส่
8.ออกกำลังกายเท้าและบริเวณช่วงขาอย่างถูกวิธี
ผู้ที่มีอาการเบาหวานควรออกกำลังเท้าและบริเวณขาควบคู่กับการควบคุมอาหารน้ำตาลสูงอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ช่วงขาได้มีการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น อย่างน้อยวันละ 15 นาที ด้วยวิธีการง่าย ๆ คือ หมุนข้อเท้าเบา ๆ เหยียดข้อเท้าข้อลง
9.หากมีผิวหนาขึ้นหรือตาปลา ห้ามตัดออกเอง
ไม่ว่าจะมีผิวหนังปูดขึ้นจากสาเหตุอะไรก็ตาม เช่น ผิวหนังนูน ตาปลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นช่วงที่น้ำตาลสูงหรือเบาหวานขึ้น ห้ามตัดออกเองเด็ดขาด จะต้องตัดด้วยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และควรตัดออกในทุก 6-8 สัปดาห์
สรุป
การดูแลเท้าของผู้ที่มีอาการเบาหวานนับว่าเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ควรหมั่นทำให้เป็นประจำตั้งแต่มีอาการเบาหวานช่วงแรกเพื่อให้เกิดความเคยชิน และที่สำคัญควรเลือกทานอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
หากอยากทราบว่าอาหารอะไรที่เหมาะกับคนที่เป็นเบาหวาน หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง ลองอ่านบทความนี้ดู
แล้วเป็นเบาหวานจะกินอะไรได้บ้าง
หากอยากทราบว่าอาหารอะไรที่เหมาะกับคนที่เป็นเบาหวาน หรือมีน้ำตาลในเลือดสูง ลองอ่านบทความนี้ดู
และให้ลดน้ำตาลที่ทานลง เพื่อไม่ให้น้ำตาลสูงเกินไปและกระตุ้นให้เท้าบวม อักเสบและติดเชื้อตามมา หากผู้ที่มีอาหารเบาหวานดูแลเท้าเป็นอย่างดีแต่ละเลยการควบคุมอาหารก็ถือว่าไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ดังนั้น การดูแลและรักษาตัวเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ครบทุกด้าน และหาตัวช่วยดีๆ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเพื่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด “จิมเนม่า” ผู้ฆ่าน้ำตาลและเบาหวาน เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ควบคุมไม่ให้น้ำตาลสูง และลดน้ำตาลในเลือดได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เป็นสินค้าส่งออกไปหลายประเทศ ผลิตจากสมุนไพรออร์แกนิค ควบคุมการผลิตโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีทั้งแบบแคปซูล และชาชง